กรนดัง อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้าย รู้ก่อน รักษาได้ทัน
การนอนกรนเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ถึง 40% ของประชากร โดยเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจส่วนบนขณะหายใจเข้า เสียงกรนอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น โครงสร้างของใบหน้าและคอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาบางชนิด
หากการนอนกรนรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea: OSA) ซึ่งเป็นภาวะที่ทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้นอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ผู้ป่วยหยุดหายใจชั่วคราวขณะนอนหลับ ภาวะนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้หลายประการ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และอุบัติเหตุ
เสียงกรนดัง อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้าย
เสียงกรนดังอาจบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับได้ ผู้ป่วยที่นอนกรนดังมักมีอาการดังต่อไปนี้
- นอนกรนเสียงดังจนรบกวนคนรอบข้าง
- หายใจลำบากขณะนอนหลับ
- ตื่นนอนกลางดึกบ่อยครั้ง
- รู้สึกอ่อนเพลียในตอนเช้า
- สมาธิสั้น
- มีปัญหาในการทำงาน
- รู้ก่อน รักษาได้ทัน
หากพบว่าตนเองมีอาการนอนกรนหรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การตรวจวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) การตรวจการนอนหลับ (Polysomnography) และการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนทางเดินหายใจส่วนบน (Nasal Endoscopy)
การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ มีการรักษาหลายวิธี เช่น
- การรักษาด้วยอุปกรณ์ช่วยหายใจ (iNAP)
- การผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างของใบหน้าและคอ
- การใช้ยา
- การปรับพฤติกรรมการนอน
การนอนกรนอาจไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหากไม่รุนแรง แต่หากการนอนกรนรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรนดัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันอันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้